วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2556

ในความสวยงามของตลาดหุ้นที่แฝงใว้ด้วยความโหดร้าย


บางคนอาจจะเห็นว่าตลาดหุ้นสวยงาม สามารถเข้ามาหาเงินได้ง่าย  แต่    ในความสวยงามนั้นมัความเสี่ยงสูงมากที่จะลงทุน  ดังหุ้น GEN  ที่มีความร้อนแรง คือขึ้นมาจาก 2 สตางค์ ไปอยู่ที่ 1.8 บาท หรือเรียกได้ว่าเป็นหุ้น 9 เด้ง  หรือ 900 %  ใน 5 เดือน

แต่ก็สามารถสร้าความเสียหายให้กับพอร์ทได้  ถึง 50 %  ภายในระยะเวลาเพียว 2 อาทิตย์เท่านั้น
ซึ่งคร่าชีวิตเมลงเม่าไปนับไม่ถ้วน     สำหรับมือใหม่จงพึงระวังใว้ให้ดีนะครับ

ขาดทุน คัทลอส   แต่ถ้ากำไร  ก็ปล่อยให้กำไรเยอะขึ้นไปเรื่อยๆ  และถ้าขาดทุนกำไร  หรือเรียกว่ากำไรลดลงเมื่อใหร่  ให้รีบขายเอากำไรไปนอนอกอด ก่อนที่กำไรเหล่านั้นจะจากไปนะครับ

เดย์เทรด เอาค่ากับข้าว



วันนี้เห็นหุ้นหลายตัววิ่งดีเหลือเกิน เลยอดเดย์เทรดหาค่ากับข้าวมื้อเย็นไม่ได้
วันนี้เข้าออกเล่นๆได้ไป 7436 บาท  มื้อนี้อิ่มเลยละครับ

ส่วนอีกตัวที่เห็นขายออกไปแล้วขาดทุนนั้น  เป็นหุ้นที่วิเคราะห์ผิดพลาดครับ  คือซื้อแล้วมันไม่ยอมขึ้น
เห็นว่าจะเสียการ เลยต้องขายออกไปเพื่อหาตัวใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะช่วยเสริมให้พอร์ทบวกขึ้นได้อีก  

วันเสาร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2556

เปิดบ้านแอ็ดมิน



แอ็ดมินเป็นคนที่ติดดินครับ  กินอยู่อย่างเรียบง่าย   ตอนสมัยที่แอ็ดมินเรียนจบใหม่ๆ  ทำงานเดือนแรก
ได้เืดือนละ 8000 บาท  พอเงินเดือนออก อยากได้อะไรก็ซื้อครับ  ไปผ่อนคอมพิวเตอร์  ราคา  26000  บาท  1 เครื่องซึ่งสเป็คตอนนั้นถือได้ว่าแรงสุดๆเลยทีเดียว  คือเพ็นเทียม 4 นั่นเอง   ผ่อยอยู่หลายเดือนกว่าจะหลุดระหว่างผ่อน  จึงรู้ว่า  เราควรจะต้องรู้จักบริหารเงินให้เป็น  หลังจากทำงานได้ 7 เดือน  จึงเก็บเงินได้บ้าง    จึงคิดหาวิธีการที่จะมีรายได้สูงขึ้น  

 ถ้าทำงานเป็นลูกจ้างเงินเดือนก็จะขึ้นแค่ ปีละ  500 - 1000 เท่านั้น  จึงเปลี่ยนงานใหม่   มาทำงานที่มีวันหยุดเสาร์อาทิตย์  โดยทำงานเป็นลูกจ้างของรัฐ ได้เงินเดือน 7340 บาท  แล้วก็เรียนต่อ ปริญญาโท  โดยใช้เงินเดือนของตัวเอง และก็ยืมเงินพี่สาวมาเสริมอีก  หลังจากนั้น 2 ปีก็ได้จบปริญญาโทสมใจ  พร้อมกับหนี้สินอีก  100000  บาท  จากการยืมเงินพี่สาวมาเรียน    จึงทำงาน ใช้หนี้  ระหว่างนั้นก็คิดอีกนั่นแหละครับว่าจะทำอย่างไรถึงจะรวย  ก็เกิดความคิดที่จะสร้าง  วงดนตรีจ้างลูกน้องคุม   ตั้งร้านค้ารับจ๊อบล้างแอร์  ช่วงเสาร์อาทิตย์  แต่ก็ไม่เห็นวี่แววว่าจะรวยได้อย่างไร หยุดเมื่อใหร่ก็ไม่ได้ตัง   ขายตรงก็เคยสมัครมาแล้วครับ  แต่พอเห็นวิธีการทำงานแล้วผมก็ไม่ปลื้ม  เพราะเหมือนไปตื้อตามติดขายของแพงๆเดี๊ยวจะเป็นที่น่ารังเกียจของเพื่อนๆเอาได้  ผมเลยเลิกทำ

 ส่วนเรื่องหางานใหม่ที่ได้เงินมากกว่านี้นั้น  ผมเลิกคิดไปแล้วครับ  ถึงจะมีเงินเดือนเพิ่มขึ้น เราก็เก็บเงินเพิ่มได้อีกไม่มาก  และเมื่ออายุ 60  เราก็ต้องออกจากงานจึงคิดว่าจะทำอะไรจึงจะทำให้เรามีกินมีใช้ตลอด

จึงคิดใหม่อีกว่าคนรวยเค้าทำอะไรกันถึงรวย  ก็ได้คำตอบว่าเค้าใช้เงินทำงาน ใช้เงินลงทุนและนำผลกำไรมาทบกันไปเรื่อยๆ     อย่างนี้นี่เอง    แล้วเราจะทำอะไรดีล่ะ    ช่วงนั้นเห็นน้องช่ายคุยให้ฟังว่าเค้าเล่นหุ้นโดย  ถ้าผลประกอบการของบริษัทที่เราถืออยู่ออกมาดีก็อาจได้ปันผล บากกับราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นอาจจะได้ถึง 10 เปอร์เซนต์ต่อปีเลย  เมื่อผมได้ยินดังนั้น  ผมจึงหาข้อมูลเพิ่ม  จนพบว่า  มันมีโอกาสที่จะทำกำไรได้จริงโดยที่เราไม่ต้องเหนื่อย  และ เงินมันก็ยังคงทำงานให้เราจนวันตาย และชั่วลูกชั่วหลานเลยเชียว  แหม  ทำไมเราไม่รู้จักตลาดหุ้นให้เร็วกว่านี้นะ  ผมจึงเปิดบัญชีหุ้น  และใส่เงินเริ่มแรกเข้าไป 30000 บาท  เทรด 3 วันได้กำไร 900 บาท โอ้ทำไมเงินหาง่ายอย่างนี้  หลังจากนั้นก็ใส่เงินเพิ่มเข้าไปอีก เป็น 90000 บาท   8 เดือนผ่านไป   เหลือเงิน  ไม่ถึง สองหมื่นบาท  ขาดทุนไป 80 %  หลังจากนั้นจึงได้ทำการคิดวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วน ประกอบกันศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม  วางแผนการเทรดอย่างเป็นระบบจนในที่สุดกำไรก็กลับมา  แต่เงินทุนมันน้อยไปเสียแล้ว  สำหรับการทวงทุนที่หายไปคืนมา   ผมจึง  กู้เงินมาอีก 100000  บาทโดย  ผ่อนชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเดือนละ 2700 บาท  ซึ่งตอนนี้เงินเดือนผมแค่  8340 บาท  และผมเล่นแชร์อีกเดือนละ 4000 บาท  ค่าเช่าห้องอีกเดือนละ 1400 บาท  ยังไม่รวมค่ากินอยู่ ค่าน้ำมัน ค่าโทรศัพท์   ส่วนค่าไฟแต่ละเดือนใช้ไม่เกิน 50 หน่วย  ฟรีตลอดอยู่แล้ว
รวมเบ็ดเสร็จเดือนหนึ่งจ่ายเป็นหมื่น   ผมอยู่ได้อย่างไร  เพราะผมคำนวนตัวเลขและวางแผนการใช้จ่าย  รายรับและรายได้  อย่างดีแล้วครับ   แชร์ผมได้ดอกเดือนละ 2000 ถ้าน้อยกว่าพันผมเปีย  ยังไงก็กำไร
เฉพาะดอกแชร์ก็เกือบส่งทั้งต้นและดอกที่กู้มาได้แล้ว   และยังมีผลกำไรจากหุ้นอีกเดือนละ  ประมาณ หนึ่งหมื่นบาท  และเพิ่มขึ้นทุกเดือน  จนเดือนมีนาคม  ผมได้กำไรจากหุ้น  38773  บาท

แผนการลงทุนยังคงดำเนินต่อไป  ชีวิตก็ยังคงดำเนินต่อไป  อนาคตอันสดใสรอเราอยู่ข้างหน้า
ถึงหนทางจะยังอีกยาวใกล  แต่ก็ไม่ใกลเกินกว่าใจเราจะไปถึง



รูปนี้เป็นรูปเครื่องคอมเพ็นเที่ยม 4 ที่แอ็ดมินซื้อนั่นแหละครับ  แต่ซื้อจอใหม่ 2 จอเพี่อการเล่นดนตรี  แต่ตอนนี้เลิกรับงานไปแล้วครับ  เลยเอามาเทรดหุ้นแทน  เวลาส่วนมากในการวิเคราะห์หุ้นจะเป็นช่วงหลังเลิกงาน ถึง เที่ยงคืนทุกวัน   และช่วงเวลาเทรดของแอ็ดมิก็จะมีแค่วันละ 30 นาทีหลังเที่ยงวัน  นอกจากบางวันจะว่างจริงๆถึงได้เทรด ส่วนคำสั่งซื้อขาย  ส่วนมากจะตั้งใว้ล่วงหน้า  จากการวิเคาระห์  หรือขายหลังเที่ยง   ส่วนในเวลางาน  แอ็ดมินแทบไม่ได้เปิดโทรศัพยท์เช็คราคาหุ้นเลย


ปลาเป็นย่อมว่ายทวนน้ำเสมอ  ชีวีตมีอยู่ก็ต้องสู้ต่อไปครับ  

  ความฝันมีใว้ให้ไปถึง  มิใช่มีใว้เพียงฝันเพื่อง            แล้วติดตามอ่านใหม่นะครับ

วันศุกร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2556

ลมเปลี่ยนทิศ เลยเปลี่ยนใจขาย


ถึงจะไม่ได้ขายในราคาที่แพงที่สุด  แต่ก็ยังขายได้กำไรดีอยู่ครับ สำหรับ BTC  ผมขายไปในราคา 1.82
เอากำไรใว้ก่อนครับ  เห็นโวลุ่มซื้อเริ่มน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ  ทำให้เปอร์เซนต์กำไรในเดือนนี้พุ่งสูงขึ้นเป็น  19.21 %  สูงสุดเป็นประวัติการ   ถึงกระนั้น  เดือนนี้มันยังไม่สิ้นสุด  อะไรก็เกิดขึ้นได้

แล้วมาติดตามกันต่อนะครับ

วันพุธที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2556

LET PROFIT RUN ให้หุ้นที่มีกำไรทำงาน


ปล่อยให้หุ้นที่มีกำไรทำงาน   ดีกว่าปล่อยให้หุ้นที่ขาดทุนทำงานนะครับ
 ตัวใหนแดงคัท  เขียวปล่อยใว้ลองดูกันนะครับว่าอะไรจะทำเงินให้เรามากกว่ากันระหว่าง

1.  แดงซื้อเขียวขาย  เอากำไรใว้ก่อน  แต่ได้กำไรน้อย แต่บ่อย

2.  แดงขาย เขียวๆเก็บใว้  เมื่อใหร่มันเปลี่ยนใจหัวทิ่มเราค่อยขาย

จากที่ทำการซื้อๆขายๆ  ได้กำไรต่อเดือนตามรูปเลยครับ   คือไม่ถึง 6 %  ซักเดือน




ได้ผลจริงๆครับ   อย่างนี้คงไม่ต้องเหนื่อยเทรดบ่อยๆแล้ว    ทุกทีเมื่อมีกำไรปุ๊บ  แล้วเห็นว่ากำไรกำลังลด ในวันนั้นผมก็แทขายหมดแล้ว  เอากำไรใว้ก่อน

แต่นั่นมันไม่ดีเลย  เมื่อผมกลับมาดูหุ้นที่เคยเทรดเมื่่อก่อน  มันขึ้นมามากกว่า 100 %  แต่เปอร์เซนต์ที่ผมทำได้นั้นแค่  5 %  ต่อเดือน    

มาดูกันสักสองสามเดือนนะครับว่า พอร์ทจะโตได้ซักกี่เปอร์เซนต์