วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เห็นหุ้นลงยังนิ่งอยู่

                         

    วันนี้ไม่สบายเป็นหวัดเลยไม่ได้ดูอะไรมาก   แต่หุ้นลงไปอีก  4.86 จุด  วันนี้พอร์ทยังติดลบอยู่อีก   -363  บาท    ยังกอดหุ้นไว้แน่น


                              จากที่เป็นคนใจ้ร้อน   ตอนนี้เย็นมากขึ้นแล้วครับ    ถ้าตัดใจขายอีก   ก็ขาดทุนอีก   งั้นลอลุ้นหลังปีใหม่เลยแล้วกัน        วงจรชีวิตเม่าเป็นอย่างนี้นี่เอง    ผมว่าผมคงต้องใจเย็นให้มากกว่านี้อีก  ในด้านการเข้าซื้อหุ้น    เพราะว่าผมเข้าซื้อเร็วเกินไป  และเต็มพอร์ตเร็วเกินไป    เลยอดของถูกตอนตลาดวาย    คราวนี้คงต้องวิเคราะห์ให้มาก   ไม่ใช่ว่าหุ้นลงให้ซื้อ   เพราะซื้อแล้วมันดันลงได้อีกนี่นะสิครับ  ต้องดูให้ดีว่ามันลงสุดหรือยังแล้วค่อยซื้อ  คาดว่าหุ้นจะดีดตัวขึ้นในปีหน้านู่นแหละครับ    ก่อนปีใหม่น่าจะถูกได้อีก   พูดแล้วเสียดาย

วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ซื้อเต็มพอร์ท จัดหนักเลย



                          ซื้อซะเต็มพอร์ทเลยวันนี้   หุ้นลงตอนเย็นซื้อเพิ่มอีก  จนเงินหมด แล้วหุ้นยังลงอีก  ได้แต่นั่งมอง    ดอยอีกแล้วตู   แต่วันนี้ก็ยังอาศัยช่วงชุลมุนซื้อแล้วขายเลยเอากำไรไว้ก่อน  ได้ค่าขนมกลับบ้านมา  166  บาท    แต่พอร์ทติดลบ   253  บาท  เฮ้อเอาอีกแล้ว   แต่ยังไงเสียการศึกครั้งนี้เราจะไม่ยอมเป็นฝ่ายแพ้อีกแล้ว   ยังไงก็ต้องตีเอาเมืองคืนมาให้ได้ เราจะไม่ยอมสุญน์เสียไปมากกว่านี้อีกแล้ว


                          มาวิเคราะห์หุ้นในพอร์ตดีกว่าครับ 


CPALL      จะตั้งเซเว่นเพิ่มอีก  500  สาขาทั่วประเทศในปี 2555  นี้ คาดว่าน่าจะอยู่ที่  58  บาท


SGP            ราคายังถูกอยู่ คาดว่าน้ำมันแพงขึ้น  ยังไงแก๊สก็ขายดี  คาดว่าจะวิ่งขึ้นไปที่  20  บาท


THAI          ตัวนี้สุดยอดราคายังถูกมากๆ รอ 1 ปีราคาน่าจะไปถึง  50 บาท


ZMICO      ได้มาตอนตลาดแดง   คิดว่า  1.5  ก็ปล่อยแล้ว




                           สรุปยอดขาดทุนสุทธิ   จากเมื่อวานนี้   - 1575   วันนี้ได้กำไรมา  166  บาท  ยังคงติดลบอยู่อีก  - 1409 บาท




                           สถานการณ์ช่วงนี้  ปรับพอร์ทให้เหลือ  50 %  เป็นพอเอาใว้เก็บของถูกมาขาย   จากที่เคยซื้อทีละ 100 %  ต้องขาดทุนมาก  แต่กำไรเวลาได้ก็ได้มากครับ   แต่ส่วนมากจะขาดทุนนี่นะสิ  บานทุ่งเลย  เลยต้องปรับกลยุทธ์ใหม่

วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2554

วิถีเม่า



                           ตราบใดที่ยังบังคับใจตนเองไม่ได้  ก็ยังขาดทุนอยู่เรื่อยไป      สุดๆเศร้า   ขาย ESSO  ไป 10.90   เพราะทนเห็นสีแดงของพอร์ทไม่ได้  เลยเทขายหมดพอร์ทเลย    ขายเสร็จ  หุ้นขึ้น   ไปที่  11.40  โอ้ไม่น่าเลย  นั่งอยู่บนเครื่องบินดีๆ  เครื่องยังไม่ทันขึ้น  กระโดดลงเครื่องซะงั้น  อุตส่ามานั่งรอตั้ง  สองวัน   พอเครื่องขึ้นเลยตกเครื่องเลย  ติดลบเพิ่มไปอีก  - 642  บาท   


                           พอตราดขึ้นเขียวกันหมด  กลัวตกรถอีก  รีบคว้ารถที่อยู่ใกล้สุดนั่งขึ้นไป   คือ  CPALL  กับ  ZMICO   เอาไว้ลุ้นต่อ   สงสัยต้องนั่งสมาธิทำใจเย็นหน่อยแล้วจะได้ไม่รีบขายขาดทุนอีก


                           วันนี้ไปอ่านเรื่องของคนที่เค้าทำเงิน  2 แสนบาทเป็น  1 ล้านบาท  ภายใน 3 เดือน  อึ้งเลย  ทำไปได้ยังไง   แต่เค้าเขียนว่าเค้าเล่ยหุ้นแค่  3 ตัวเท่านั้นเอง  แต่ต้องศึกษาให้ถ่องแท้  ติดตามข่าวสารทุกอย่าง       แต่ผมเนี่ยกลางวันทำงาน  มีเวลาตอนหลังเที่ยงกับหลังสี่โมงเย็น  เวลาน้อย  นอกนั้นจะดูในโทรศัพท์เป็นครั้งคราว   จะมีสิทธ์ทำได้บ้างมั๊ยเนี่ย   ใช้เวลาซัก  12 เดือนทำได้ก็นับว่าเยี่ยมแล้ว


                           รอให้พอร์ทบวกเมื่อใหร่  อัดทุนเพิ่มอีก  ถ้าอัดตอนนี้เดี๊ยวเจ็บหนัก  ต้องพัฒนาฝีมือให้เข้าขั้นก่อน  แล้วค่อยคิดทำการใหญ่ไม่งั้นไม่สำเร็จแน่นอน


                           สรุปยอดติดลบจนถึงวันนี้กันดีกว่า  ยกยอดติดลบมาจากเมื่อวาน - 933   ส่วนวันนี้ติดลบเพิ่มอีก - 642  บาท   รวมเป็น  - 1575  บาท


                           จะทำอย่างไรให้การที่หุ้นขึ้นลง ไม่มาเป็นอารมในการเทรด  ต้องทำใจให้ได้  ท่องไว้   บวกขาย  ลบซื้อ  เท่านี้ก็มีกำไรไม่ขาดทุนแล้ว  แต่มันทำใจยากนี่นะสิ  สงสัยจะต้องนั่งสมาธิบ้างเสียแล้ว

วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554

นิ่งเสียตำลึงทอง



                วันนี้ได้ข้อคิดอีกอย่างหนึ่งคือ    หุ้นขึ้นให้ขายก่อนตลาดปิด   ซื้อใหม่ตอนตลาดเปิด    หุ้นลงให้ขายเลย  ยิ่งรอก็ยิ่งลงใหญ่   แต่พอลงต่ำสุดแล้วค่อยเข้าซื้อใหม่


                ESSO  ตัวนี้ซื้อตอนกำลังขึ้อ  ซื้อปุ๊บขึ้นต่ิอได้กำไร  1.6 % ทันที่  แต่ไม่ยอมขายเลยกลายเป็นขาดทุนเสียนี่   ติดลบอีก    576  บาท    พรุ้งนี้ถ้าขึ้นมาเขียวเมื่อใหร่  ขายทิ้งทันทีเลย    BEC  ก็ขึ้นไปจนเกือบ  44  บาทแล้ว  เสียดายไม่ได้เก็บใว้    วันนี้ไปประชุมนอกสถานที่เลยไม่ได้ดูหุ้นเลย      พรุ่งนี้ลุยต่อ  จัดมาให้เป็นบวกให้ได้  สู้ๆ

วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ความโลภเป็นเหตุทำให้เสียเงิน



            เห็นเมื่อวาน   ESSO  วิ่งขึ้นดี  วันนี้เลยเก็บมาอีก   ESSO  ดันดิ่งลงเหว  จะเก็บใว้ก็ไม่ได้เดี๊ยวจะลบเยอะเลยตัดขายไปอีก  ขาดทุนไปอีก   - 508 บาท   แต่  BEC  ขึ้นเหมือนที่คาดแต่ไม่ได้เก็บเพราะเห็น  ESSO วิ่งขึ้น แต่  BEC  ยังนิ่งอยู่  เลยเสียโอกาศไปอีก รวมกับเมื่อวาน -425  เป็น  - 933  บาท


            รู้สึกว่าห่อกลับก็ไม่ค่อยดี  สงสัยจะต้องซื้อขายในวันให้หมด  เพราะมาเก็บตอนเช้าใหม่  ถูกกว่าที่ห่อกลับอีก   เอาใหม่  วางแผนใหม่  พรุ่งนี้ลุ้น  ESSO  อีกที  เราะน่าจะย่อในวันนี้พรุ่งนี้โด่ง   ขายหมดพอร์ต   จะต้องทำให้พอร์ทบวกให้ได้  .....

วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ตัดใจขาย BEC


                     วันนี้หลุดดอย  BEC  ไปแล้ว  แต่ก็ยังคงคิดถึง  BEC  อยู่  เพราะคิดว่าพรุ่งนี้  BEC  วิ่งต่อ ผมลุ้นใว้ที่  43  บาท  แต่ก็ต้องขายครับ  เพราะไปห่อ  ESSO  ติดมือกลับบ้าน  ก็แหมมันวิ่งขึ้นเร็วนี่ครับ  ทันใจดีจริงๆ 555+       ทุนสามหมื่นนี่มันน้อยเหลือเกิน  เห็น  THAI  ลงก็อยากเก็บเอาใว้ขาย  22  บาท    ผมว่าผมใจร้อนมากๆกับการเล่นหุ้นเนี่ย  ไม่ชอบเก็บนานๆ  อากซื้อขายทุกๆวันเลย  มันสนุกดี


                       มาสรุปยอดติดลบดีกว่า   จากคราวที่แล้วยังติอลบอยู่  - 997  บาท  วันนี้ขาย BEC  ได้กำไร  +572  บาท   ยังคงติดลบอยู่  - 425  บาท  


                       ซื้อขายหุ้นมาทั้งหมด  13  วันพอร์ทยังติดลบอยู่เลย  แต่มันก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีครับ  ตอนนี้ต้องไปศึกษากร๊า๊ฟก่อนเพราะยังอ่านกร๊าฟไม่เป็นเลย    ถ้ามีคนสอนให้ก็ดีนะสิ   จะได้เก่งใวๆ   

วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ติดดอย BEC

 
                      ตอนซื้อมายังเขียวอยู่เลย   ผ่านไปวันเดียว  แดงซะแล้ว  ติดดอย  BEC  เลย  จะไม่ยอมขายขาดทุนเหมือน  MALEE  ที่ซื้อมา 16.90  ขายไป  15.70  แต่ตอนนี้ขึ้นมา  18.00  เสียเลย    ดอย  BEC คงไม่ยาวนานเท่าไหร่หรอก  เพราะเห็นคนกำลังซื้อตุนราคาถูกๆกันเพียบ     และแนวโน้มยังเป็นขาขึ้นอยู่

                       เห็น DTAC  วิ่งขึ้นแล้วใจหายอดเสียดายไม่ได้   ปันผลตั้ง  16 บาท  ถ้า BEC  ขึ้นก่อน  วันที่ 30  ธันวาคมนี้นะ  จะเก็บ DTAC  มากินปันผลเสียหน่อย   แล้วค่อยขายออก  ในราคาที่รับได้    เห็นทองคำลงก็อยากเก็บทองอีกแล้ว    สงสัยต้องเก็บเงินก่อนซะละม้าง  แล้วค่อยซื้อทอง  เพราะอีกไม่นานทองคำมีแนวโน้มว่าจะขึ้นมาอยู่ที่   27000  บาท    ลุ้น  BEC  ต่อวันจันทร์เน้อ....

วันพฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ตัดใจขายขาดทุน



                   หลังจากที่เก็บ  AJ   เอาใว้หลายวันก็เห็นมีแต่ลงกับลง   วันนี้ผมก็เลยต้องตัดใจขายขาดทุนไป -1430.96  บาท   หันไปเห็น  BEC  ยังไม่ขึ้นก็เลยกระโดดกอด  BEC  มาก่อนปิดตลาด    เขียวมา  1%  เก็บไว้ลุ้นพรุ่งนี้ต่อ


                  สรุปตั้งแต่เล่นหุ้นมาได้   8   วัน  ได้มา + 900  บาท  แต่เสียไป  -1897  บาท สรุปแล้ว  ขาดทุนไป   -997 บาท   


                 วันนี้ใช้กลยุทธ์  หนามยอกเอาหนามบ่ง   หุ้นอยากลงดีนัก  ตัดคัทลอสเสียเลย  แล้วค่อยมาซื้อใหม่ตอนที่มันต่ำสุด   ไม่ได้เลย  เสียรู้มาหลายวันแล้ว 


                  ต้องรอให้  BEC  ช่วยเหลือเสียแล้ว  ลุ้นต่อพรุ่งนี้ครับว่าจะเป็นอย่างไร

วันพุธที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2554

แมงเม่าบินเข้ากองไฟ



                       วันนี้หวังจะกู้  AJ  ให้ได้ก่อนขาย โดยไปซื้อ  MALEE  เพราะเห็นกำลังขึ้น  จากติดลบ 16.20 ขึ้นมา  17.30    ผมเห็นดังนั้นก็รืบเข้าไปซื้อใว้ที่  16.90 และแล้วหุ้นก็ร่วง  ลงมาที่  16.80   ผมรออีกจนจนเที่ยง  เลยไปทานข้าว  และไปประชุมต่อตอนบ่ายโมง   ระหว่างประชุมก็ได้แต่ลุ้นให้ขึ้น  จนประชุมจบ  ตอน  14.45  น.   เลยตัดใจขายขาดทุนไปที่  16.70  ติดลบไป - 467  บาท  พอถึงเวลา  14.52 น.  MALEE ลงหนัก    อยู่ที่  16.30   โชคดีที่ขายทันด้วย  Samsung  galaxy y  นี่เอง  ไม่งั้นเจ็บหนักกว่าเดิมอีก


                        ส่วน  AJ  ตายสนิทตกมาอยู่ที่  14.40  ติดลบไป  -1366.92  บาท   903 บาทที่ได้มาวันศุกร์ไม่พอซะแล้วครับ   แล้วก็ยังกอด  AJ  ต่อไป   เพิ่งจะรู้ว่าแมงเม่าบินเข้ากองไฟมันเป็นอย่างนี้นี่เอง
มันร้อนจริงๆ      ไม่ยอมแพ้ครับ  พรุ่งนี้กู้  AJ  ต่อ  ส่วนแผน  Trese  four  นั้นรอกู้  AJ   ให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน เพราะตอนนี้เงินทั้งหมดมากองอยู่ที่  AJ  หมดแล้วครับพี่น้อง


                        เจ็บนี้อีกนาน  ต้องจำไว้ว่าตอนหุ้นขึ้นอย่าซื้อ  ต้องซื้อตอนหุ้นลง  แล้วขายตอนที่มันขึ้น
ลุ้นกันต่อพรุ่งนี้ครับ  ว่าจะกู้  AJ  ได้หรือไม่

วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2554

บทเรียนที่1


                        นี่เป็นบทเรียนแรกในการซื้อหุ้นแล้วขาดทุน   หุ้น AJ  ติดลบอยู่  366.92  บาท   
 เงินในพอร์ทก็หมดแก้ปัญหาไม่ได้   ทั้งๆที่วันนี้หุ้น  AJ  ได้วิ่งขึ้นไปที่  15.10   ในตอนเช้า   และ  15.20  ในตอนเย็น     หุ้นวิ่งลงต่ำถึง  14.80   ตั้งหลายรอบ   แต่ยังไม่สามมารถแก้ปัญหาติดลบใน  พอร์ทได้
เนื่องจาก ผมขาดการวางแผนที่ดี  สำหรับรองรับ สถานการณ์ต่างๆ   จึงไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้


                        ผมนั่งคิดมานานพอสมควร   และแล้วก็ได้กลยุทธ์ใหม่   ซึ่งใช้ป่องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อทรัพย์สินอันมีค่ายิ่งของเรา    ไม่ว่า  หุ้นจะตก  เกิดภัยธรรมชาติ   หรือเกิดสงคราม  เราก็จะเกิดความเสียหายน้อยลง   คือ


แผน  These Four 
เป็นการแบ่งเงินในการลงทุน  เป็น 4 ส่วนเท่าๆกัน คือ


      1. เสบียง  คือการใช้เงินเพียง 1 ส่วน  ซื้อขายหุ้นทองคำเพียงอย่างเดียว  แต่ไม่ใช่ซื้อ  Gold Future นะครับ   เป็นส่วนที่มั่นคง  เก็บใว้ยามฉุกเฉิน


      2. กองหนุน   เอาใว้คอยอุดหนุน  ทัพหน้าและทัพหลังเพื่อช่วยลดต้นทุน   เพื่อไม่ให้เกิดการขาดทุน  ใช้เข้าซื้อหุ้นเวลาที่เกิดการสวิงลงต่ำ  และสวิงขึ้นใหม่


       3. ทัพหลัง  ใช้ซื้อหุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนสูง ซึ่งอยู่ในเซ็ท  100  เน้นซื้อหุ้นที่ทำรายได้จากภายในประเทศ  เช่น   CPALL   BTS    เป็นต้น


       4. ทัพหน้า  ใช้ซื้อหุ้นที่มีความเสี่ยงสูงพวก   Warrant  TFEX  สามารถสร้างกำไรได้สูง  




มาลองใช้แผนนี้ดูก่อนดีกว่าว่าจะเป็นอย่างไร    ติดตามกันนะครับ

วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2554

มุ่งสู่หนึ่งพันล้านบาท

              เป้าหมายนั้นนับว่าเป็นสิ่งสำคัญ  ถ้าหากไม่มีเป้าหมายแล้วชีวิตก็หมดความหมาย    ยิ่งตั้งเป้าหมายไว้สูงเท่าไหร่  เราก็จะมีความกระตือรือล้นที่จะไปสู่เป้าหมายมากเท่านั้น    


                     ดังนั้นผมจึงขอตั้งเป้าหมายไว้สูงสุดเอื้อม     ถ้าไปไม่ถึงเราก็จะก้าวไปได้ใกลกว่าการตั้งเป้าหมายไว้ต่ำๆ       เป้าหมายของผมคือ  1พันล้านบาท   สูงมากๆๆๆๆๆ    แต่มีวิธีทำง่ายๆ    ทำได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับฝีมือการเทรด   ดังนี้


1.   หาเงินทุนเริ่มแรกประมาณ   30,518  บาท


2.   ทำกำไรเฉลี่ยจากหุ้นให้ได้วันละ  0.5 %  ของพอร์ท   ไม่ยากเท่าไร   แต่ก็อาจมีบางวันที่ทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรให้เพราะว่าวันหลังๆ  คุณจะมีทุนมากขึ้นจากการทบทุนของวันแรก   คุณจึงมูลค่าของเงินที่เพิ่มขึ้น   ถ้าคิดที่  0.5 % ของทุนเดิมก็อาจจะได้ไม่ยาก    นับกำไรบวกไปเรื่อยๆ  ถ้าถอนไปใช้ก็ให้หักออก   เป้าหมายก็จะใกลขึ้นอีก


3.   สะสมกำไรจนครบ   100% ของพอร์ท  หรือ 1 เท่าตัว  นับว่าเป็น  1   สเต็บ


4.    สะสมกำไรไปเรื่อยๆจนครบ  16  สเต็บ     ถ้าใครมีเงินมากกว่า  สองหมื่นห้าพันบาทก็ให้เรียกว่าข้ามสเต็บไปเลย   คุณก็จะมีสเต็บที่ต้องสะสม  น้อยลง   ซึ่งแต่ละเสต็บมีดังนี้




สเต็บที่                   เงินสะสม (บาท)


16                           1,000,000,000
15                              500,000,000
14                              250,000,000
13                              125,000,000
12                                62,500,000
11                                31,250,000
10                                15,625,000
9                                    7,812,500
8                                    3,906,250
7                                    1,953,125
6                                       976,563
5                                       488,282
4                                       244,141
3                                       122,071
2                                         61,036
1                                         30,518                เริ่มแล้วครับ  สเต็บที่  1 



ขายหมูไปแล้ววันนี้


                  วันนี้พลาดขาย THAI  ไปที่  22.20  พอขายเสร็จหุ้นขึ้น 22.70    ปิด  22.50   หวังจะกู้  AJ  ที่ติดลบอยู่  โดยไปตั้งซื้อ ASP ที่  2.14  บาท  แต่   ASP  ก็วิ่งหนีขึ้นเรื่อยๆจนไปที่  2.28   เห็นว่าแพงเกินไป เลยจัด  AJ  เพิ่มเข้าไปอีก ที่่   14.90        555+  เต็มพอร์ทเลย    รอลุ้นวันอังคารทีเดียว   ว่าจะหมู่หรือจ่า


                  หุ้นที่น่าลุ้นสำหรับวันอังคาร














                    ADVANC     AJ    BAY     IVL    JAS    KBANK     LOXLEY                           











                  นี่คือหุ้นที่น่าเล่นในความคิดส่วนตัวของผม      เก็บเอาใว้ศึกษาว่าสิ่งที่เราคิดนั้นจะถูกต้องหรือไม่รอลุ้นอยู่        แต่ผมลุ้น  AJ  ตัวเดียวนะครับ  เพราะทุ่มไปหมดตัวเลย

วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ซื้อขายหุ้นครั้งแรก


วันแรกที่ทำการซื้อหุ้น
     วันนี้ผมทำการซื้อหุ้น  AJ  กับ  THAI   มาเก็บไว้เต็มพอร์ท   ซื้อตอนบ่ายพอหมดวันก็ได้กำไรอย่างที่คาดการณ์เอาไว้    ด้วยสถานการณ์น้ำเริ่มแห้ง   แต่  การบินไทยในไตรมาสนี้ไม่มีกำไร  ราคาหุ้นจึงลดลง  ผมเฝ้าดูจนเริ่มมีการเข้ามาซื้อเก็งกำไรจากหุ้นราคาถูก  พอหุ้นเริ่มขึ้น  ผมก็ไมรอช้าเลยละครับ  รีบเข้าซื้อด้วยราคาฝั่ง offer  ที่ 21.10 บาท    ส่วน AJ  นั้นผมคาดการณ์ไว้ว่าราคายังไปได้อีกไกล  แต่ต้องรอให้โรงงานต่างๆเดินสายการผลิตได้ก่อน

           ส่วนตอนนี้ก็คงต้องลุ้นให้ขึ้นดังใจหวัง  และต้องคอยติดตามข่าวแถบยุโรป  อเมริกาว่ามีข่าวดีหรือข่าวร้ายอะไรบ้าง   ใครมีประสบการณ์ในการซื้อขายหุ้นก็เข้ามาร่วมแบ่งปันกันได้นะครับ

วันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เทรดหุ้นผ่านแอนดรอยด์


              ช่วงหุ้นกำลังขึ้น  เงินทุนน้อยอาจทำให้เสียโอกาส  เลยไปเปียแชร์เจ้สม มาสมทบทุนอีก
 29,000  บาท  เสียดอกไป  600 บาทต่อเดือน  คุ้มกันมั๊ยเนี่ย    แต่ไม่ต้องกลัวเราะผมยังมีแชร์อีกมือที่เจ้สม กันใว้กินดอก   หักลบกลบกันก็พอดี     ที่เหลือก็มาลุ้นที่หุ้นอย่างเดียวว่าจะได้กำไรมากกว่าดอกแชร์หรือป่าว     ที่ผ่านมาผมก็ยังไม่ได้เทรดหุ้นเลยเพราะต้องเสียขั้นต่ำ  53  บาท  รวมภาษี  ต่อวัน หรือเสียค่า  โบรกเกอร์  ในอัตรา  0.2078 %   เลยยังไม่ทำการซื้อขาย    ได้แต่นั่งมองจอ และหาความรู้เพิ่ม  


             รอลงสนามวันอังคารนี้    เครื่องมือในการซื้อขายหุ้น ก็นับว่าเป็นสิ่งสำคัญ   แต่ก็ต้องควรดูปัจจัยในกระเป๋ของตนเองให้ดี   ผมเลยไปหิ้วแท๊ปเล็ตจีนมาตัวหนึ่ง  ราคา  3,500 บาท ขนาด 7 นิ้ว  เป็นแอนดรอยด์  2.2  หวังว่าจะเอามาใช้ดูหุ้นแบบเรียวไทม์  และใช้เทรดหุ้นด้วย   เพราะเห็นแอ๊ปที่ชื่อว่า  i2trade  ใช้แอนดรอยด์เทรดหุ้นได้   ทำการดาวน์โหลดมาแล้ว  ใช้งานได้ดีทีเดียว


แต่ตอนนี้ที่แย่คือ  เครื่องไม่สามารถเซ็ตพร็อกซี่่ได้  จึงทำให้ต่อไวไฟร์ที่ทำงานไม่ได้   เลยต้องหาหนทางทำให้เครื่องใช้ไวไฟร์ที่ทำงานให้ได้   ไม่เช่นนั้นอาจจะต้องเก็บเงินซื้อไอแพดซักตัว

                                                                                                                      จบข่าว...

วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

Derivative Warrants


 Derivative Warrants

 เป็นวอร์แรนต์ชนิดหนึ่งแยกเป็นหมวดเฉพาะ คือ หมวดใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ DW มีลักษณะคล้ายสัญญาอนุพันธ์ คือ เป็นสิทธิ ในการซื้อ (Call option) หรือ สิทธิในการขาย (Put option) หลักทรัพย์อ้างอิงในอนาคต ตามราคา จำนวน วัน และเงื่อนไขในการใช้สิทธิตามที่ผู้ออกกำหนด ทั้งนี้ ผู้ออก DW ไม่ใช่บริษัทจดทะเบียนผู้ออกหุ้นอ้างอิง


เกณฑ์ในการตั้งชื่อย่อของ DW ไว้ โดยให้มี 8 หลัก ได้แก่     AAAABBCD

AAAA    ชื่อหุ้นอ้างอิง 4 อักษรตัวแรก
ฺBB           รหัสสมาชิคโบรกเกอร์ผู้ออก DW
C             ประเภท DW  โดย  C  หมายถึง   Call DW     
                                             P  หมายถึง    Put DW
D               รุ่นที่ออก   ใช้สัญลักษณ์  A-Z

DW มีอายุตั้งแต่ 2 เดือน - 2 ปี เป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับการลงทุนระยะสั้น เนื่องจากราคาของ DW ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ มูลค่าที่แท้จริง (Intrinsic Value) และมูลค่าเวลา (Time Value) เมื่อใกล้ครบกำหนดอายุ ส่วนที่เป็นมูลค่าเวลาจะค่อยๆลดน้อยลงไป เหลือแต่ส่วนที่เป็นมูลค่าที่แท้จริง

DW มี 2 ประเภท คือ
Call DW หรือ DW ที่ให้สิทธิในการซื้อหุ้นอ้างอิง นักลงทุนควรเลือกลงทุนใน Call DW เมื่อมีมุมมองเป็นบวกต่อราคาหุ้นอ้างอิง พูดง่ายๆก็คือ ถ้าคิดว่าราคาหุ้นอ้างอิงจะขึ้น จึงจะซื้อ Call DW

 ราคาของ Call DW = มูลค่าที่แท้จริง + มูลค่าเวลา 
                                  = [(ราคาหุ้นอ้างอิง – ราคาใช้สิทธิ) / อัตราใช้สิทธิ] + มูลค่าเวลา

ผลตอบแทนจากการลงทุนใน Call DW ณ วันครบกำหนดอายุ
ผลตอบแทนของ Call DW = (ราคาหุ้นอ้างอิง – ราคาใช้สิทธิ) / อัตราใช้สิทธิ

Put DW หรือ DW ที่ให้สิทธิในการขายหุ้นอ้างอิง นักลงทุนควรเลือกลงทุนใน Put DW เมื่อมีมุมมองเป็นลบต่อราคาหุ้นอ้างอิง นั่นคือ ถ้าคิดว่าราคาหุ้นอ้างอิงจะลง จึงจะซื้อ Put DW

ราคาของ Put DW = มูลค่าที่แท้จริง + มูลค่าเวลา 
                                  = [(ราคาใช้สิทธิ – ราคาหุ้นอ้างอิง) / อัตราใช้สิทธิ] + มูลค่าเวลา

ผลตอบแทนจากการลงทุนใน Put DW ณ วันครบกำหนดอายุ
ผลตอบแทนของ Put DW = (ราคาใช้สิทธิ– ราคาหุ้นอ้างอิง) / อัตราใช้สิทธิ

DW แตกต่างจากวอร์แรนต์ทั่วไปอย่างไร

DW มีอายุ 2 เดือนถึง 2 ปี 
หุ้นอ้างอิงเป็นหุ้นใน SET50
ผู้ออกเป็นธนาคารหรือบริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุญาตจาก สำนักงาน ก.ล.ต. และไม่ใช่ผู้ออกหุ้นอ้างอิง
มีผู้ดูแลสภาพคล่องอย่างน้อย 1 ราย
ไม่ต้องมีหุ้นเพิ่มทุนมารองรับการใช้สิทธิ ดังนั้น ไม่เกิด dilution effect ต่อหุ้นอ้างอิง
Warrant  มีอายุน้อยกว่า 10 ปี
หุ้นอ้างอิงเป็นหุ้นของบริษัทนั้นๆ
ผู้ออกเป็นบริษัทผู้ออกหุ้นอ้างอิง
ไม่กำหนดให้มีผู้ดูแลสภาพคล่อง
มีการออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อรองรับการใช้สิทธิ ดังนั้นจะมี dilution effect ต่อหุ้นอ้างอิง

ผลตอบแทนจากการลงทุนใน DW มี 2 แบบคือ
1.กำไร-ขาดทุนจากการซื้อขาย DW ในตลาดหลักทรัพย์ ฯ
กำไร-ขาดทุนจากการซื้อขาย DW ในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเหมือนกับกำไร-ขาดทุนจากการลงทุนในหลักทรัพย์ทั่วไป 
2.กำไร-ขาดทุนจากการใช้สิทธิ
ในกรณีที่ DW อยู่ในสถานะ In the Money นักลงทุนจะมีกำไรจากการใช้สิทธิ ทั้งนี้ นักลงทุนมีภาระภาษีจากส่วนต่างเงินสดที่ได้รับจากการใช้สิทธิด้วย  ในทางกลับกัน นักลงทุนจะมีการจำกัดขาดทุนอยู่ที่ต้นทุนของ DW นั่นหมายความว่า ถ้านักลงทุนถือ DW ไว้จนถึงวันครบกำหนดอายุ โดยไม่ใช้สิทธิ มูลค่าของ DW ที่ถืออยู่จะกลายเป็นศูนย์ และถูกเพิกถอนออกจากกระดานหลักทรัพย์ในวันทำการถัดจากวันครบกำหนดอายุ


รายละเอียดไฟร์  PDF  แบบเข้าใจง่ายๆ
รอบรู้เรื่องหุ้นอนุพันธ์   PDF   น่าสนใจ
การลงทุนหุ้นออนไลน์  PDF  ง่ายนิดเดียว
Gold futures  PDF  แบบครบเครื่อง


เปิดพอร์ท 4500 บาท

พอร์ทหุ้นพอร์ทแรกในชีวิต   เริ่มต้นที่  4500  บาท  



           วันนี้ผมมีพอร์ตการลงทุนเล็กๆ ส่วนตัวแล้ว  ถึงจะเล็ก แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีว่ามั๊ย    เพราะถ้าเกิดความเสียหายก็จะเสียเงินน้อย  เริ่มเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปก่อนแล้วค่อยเพิ่มขนาดของพอร์ตก็ยังไม่สาย    แท้จริงแล้วมีเงินทุนเพียงแค่ 5000  เหลือใว้กิน 500 บาท    วงจรชีวิตเม่าน้อยเริ่มขึ้นแล้ว  เปิดพอร์ตตอนหุ้นลงแหม  มาได้จังหวะพอดี  แต่จะเป็นอย่างไรโปรดติดตามตอนต่อไป

              

วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2554

จุดเริ่มต้นของการเล่นหุ้น


ปัญหาหนี้ยุโรปและผลกระทบต่อประเทศต่างๆในแถบยุโรป




โดยที่สีเข้มมีปัญหามาก  หัวลูกศรคือผู้ให้กู้  และท้ายลูกศรคือผู้กู้


วันนี้ผมไปเปิดพอร์ตกับ KTzmico เสียค่าธรรมเนียม 30 บาท 
ในขณะที่น้ำยังท่วมอยู่ นิคมอุตสาหกรรมก็จมน้ำไปหลายนิคม นครปฐมน้ำก็ท่วมแล้ว


 ตอนนี้ผมอยู่ในช่วงศึกษาข้อมูลก่อนลงเล่นจริง โดยไปซื้อหนังสือชื่อ หุ้นเดย์เทรด  มาอ่านประกอบกับศึกษาข้อมูลที่ เว็บพันทิป  เซ็ท  และ เซ็ทเทรด


สาเหตุที่ผมเข้ามาเล่นหุ้นคือ  ในตลาดหุ้นมีธุรกิจมากมายหลายประเภท  เรามีเงินฝากธนาคารก็ได้ดอกเบี้ยน้อย  จึงต้องการที่จะนำมาลงทุนในหุ้น  เพื่อที่จะได้ดอกผลมากขึ้น




ราคาหุ้นที่บันทึกใว้ศึกษาราคาตอนเริ่มเล่น   เอาใว้ เทียบกับราคาในอนาคต